เหตุผลที่ “คนส่วนใหญ่” เลือกรับรายได้เข้าบัญชีส่วนตัว มากกว่าบริษัทฯ
- เลี่ยงภาษี
หากรายได้เข้าบริษัท ต้องออกใบกำกับภาษี เสีย VAT (ถ้าจด VAT) และเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 20% รวมถึงค่าบริหารจัดการบัญชี/สำนักงานบัญชีเพิ่มขึ้น
→ รับเข้าบุคคลธรรมดา อาจเสียภาษีน้อยกว่าหรือไม่ต้องเสียเลย (ถ้าไม่ถึงเกณฑ์) - ไม่อยากมีภาระเรื่องบัญชี
บริษัทต้องมีการจัดทำบัญชี ยื่นภาษีรายเดือน รายปี ต้องจ้างนักบัญชีหรือสำนักงานบัญชี
→ บุคคลธรรมดารับเงินมาแล้วจบ ไม่มีขั้นตอนทางเอกสารมาก - ยังไม่แยกชีวิตส่วนตัวกับธุรกิจ
หลายคนทำธุรกิจเอง แต่ยังไม่แยกเงินบัญชีบริษัทกับบัญชีส่วนตัวอย่างชัดเจน ทำให้ทุกอย่างยังรวมเป็นก้อนเดียวกัน - ธุรกิจยังไม่มั่นคง หรือยังทดลองอยู่
ถ้าธุรกิจเพิ่งเริ่ม ยังไม่แน่ใจว่าจะไปรอดหรือไม่ ก็อาจไม่อยากจดบริษัทและเพิ่มความยุ่งยากทางกฎหมาย - ต้องการใช้เงินทันที
การรับเข้าบัญชีส่วนตัวสามารถใช้เงินได้เลย ต่างจากเงินที่อยู่ในบริษัทที่อาจต้องทำเรื่องเบิกจ่ายให้ถูกต้องตามระเบียบ
แต่การเอารายได้เข้า “บริษัท” มีข้อดีมากในระยะยาว เช่น
- ลดความเสี่ยงส่วนตัว: ถ้าธุรกิจมีปัญหา หนี้สินจะเป็นของบริษัท ไม่ใช่เจ้าของโดยตรง
- สร้างความน่าเชื่อถือ: ลูกค้าองค์กร มักชอบทำธุรกิจกับนิติบุคคล
- สามารถขยายกิจการได้ง่าย: กู้เงิน หาผู้ร่วมทุน หรือขายบริษัท
- สามารถวางแผนภาษีได้ดีกว่า: เช่น เลือกจ่ายเงินเดือนให้ตัวเองแบบมีประกันสังคม หักค่าใช้จ่ายบริษัท ฯลฯ
✅ ข้อดีของการเอารายได้เข้าบัญชีส่วนตัว
- ขั้นตอนง่าย ไม่ซับซ้อน
- ไม่ต้องจดทะเบียนบริษัท
- ไม่ต้องจัดทำบัญชีหรือยื่นงบการเงินประจำปี
- ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเอกสารและบัญชี
- ไม่ต้องจ้างสำนักงานบัญชี ไม่ต้องจ่ายค่าทำงบหรือสอบบัญชี
- เสียภาษีตามขั้นบันได
- ถ้ารายได้ไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี อาจไม่ต้องเสียภาษีเลย
- ถ้าเกิน ก็เสียภาษีตามขั้น (5%, 10%, 15%, … จนถึง 35%)
- ใช้เงินได้ทันที
- เงินเข้ามาในบัญชีเราโดยตรง จะใช้จ่ายอะไรก็สะดวก ไม่ต้องทำเอกสารเบิก
- ความยืดหยุ่นสูง
- ไม่มีข้อจำกัดในการโอน จ่าย ใช้ หรือถือเงินสด
❌ ข้อเสียของการเอารายได้เข้าบัญชีส่วนตัว
- ความน่าเชื่อถือต่ำลง
- ลูกค้าองค์กรหรือคู่ค้ารายใหญ่ มักต้องการทำงานกับนิติบุคคล
- อาจถูกมองว่าไม่เป็นมืออาชีพ
- วางแผนภาษีได้น้อยกว่า
- บุคคลธรรมดาหักค่าใช้จ่ายได้น้อย เช่น หักเหมาแค่ 40% หรือหักตามจริงแต่ต้องมีหลักฐาน
- ไม่มีลูกเล่นในการวางแผนเหมือนบริษัท (เช่น การหักค่าเสื่อม ค่าที่ปรึกษา ฯลฯ)
- ความเสี่ยงส่วนตัวสูง
- ถ้ามีหนี้หรือคดีจากการทำธุรกิจ จะต้องรับผิดชอบส่วนตัว ไม่สามารถกันตัวเองออกจากความเสี่ยงได้เหมือนบริษัท
- ขยายธุรกิจยาก
- การหาผู้ร่วมทุน กู้เงิน หรือจ้างพนักงานประจำอาจดูยุ่งยาก
- ไม่มีโครงสร้างหรือชื่อเสียงทางธุรกิจให้ต่อยอด
- ไม่มีเงินเดือนชัดเจน
- ไม่มีระบบเงินเดือนที่ชัดเจนสำหรับเจ้าของ ทำให้วางแผนการเงินส่วนตัวหรือขอกู้สินเชื่อลำบาก
สรุป:
หากคุณเพิ่งเริ่มต้น ยังมีรายได้ไม่แน่นอน หรืออยากบริหารแบบง่าย ๆ การรับเงินเข้าบัญชีส่วนตัวอาจเหมาะ แต่ถ้ามองไกล อยากเติบโตเป็นองค์กร มีความน่าเชื่อถือ และวางแผนทางการเงินได้ดีขึ้น ควรพิจารณาเปิดบริษัทในระยะต่อไปครับ